|
ชื่อสินค้า : | ละครไทย คุณหญิงนอกทำเนียบ (แตงโม,พีท ทองเจอ, นุสบา) 5 DVD | รายละเอียด : | ปี พ.ศ. 2518 งานฉลองจบการศึกษาระดับมัธยมปลาย โรงเรียนคอนแวนต์ ศจี สาวสวยผิวสีน้ำผึ้งได้รับเลือกเป็นตัวแทนของรุ่นแสดงการเดี่ยวเปียโน ร่วมกับ แกมแก้ว หรือ ลูกแก้ว คุณหนูลูกสาวท่านทูต รับหน้าที่ร้องเพลงนำบนเวที มาแมร์ คณะครูและเพื่อนๆ ต่างชื่นชมสองสาวสวยเก่งซึ่งมีบุคลิกแตกต่างกันสุดขั้ว คุณหญิงอรุณวตี แม่ผู้สง่างามได้มาร่วมงานแสดงความยินดีกับลูกสาวคนเล็กพร้อมกับป้าวรรณ คุณหญิงหมายตาศจีไว้เงียบๆ ขณะที่ลูกแก้วแสดงชัดเจนว่าปลื้มเพื่อนรักคนนี้มาก สุพรรณ หนุ่มหล่อที่อาศัยวัดเป็นบ้าน ตื่นเต้นแต่เช้า ตั้งใจเลือกดอกไม้สวยๆ ที่ชาวบ้านเอามาถวายพระ หวังจะนำไปแสดงความยินดีกับศจีหลังจบงานแสดง สุพรรณจึงแอบยืนดักเจอหลังเวที ศจีแม้ฉากหน้าจะดูนิ่งแต่ในใจอดจะสั่นไหวด้วยวัยสาวรุ่นไม่ได้ แต่กลับปฏิเสธจะรับดอกไม้แล้วเดินเลี่ยงไป ปล่อยให้สุพรรณเสียใจจากไป และแล้วศจีก็ได้เห็น ชีวิน หนุ่มหล่อมาดคุณชายปรากฏตัวพร้อมตุ๊กตาสวยตัวโตราคาแพงจากนอกเดินผ่านหน้าศจีไป ชีวินไม่ทันเห็นศจีเพราะเกรงว่าจะมาไม่ทันงานน้องสาว ลูกแก้วดีใจมากที่พี่ชายให้ตุ๊กตา รีบฉุดศจีให้มารู้จักชีวินซึ่ง พร้อมแนะนำชีวินว่าศจีเป็นเพื่อนรัก ชีวินเห็นหน้าศจีเต็มๆ ตรงๆ ก็ตะลึงกับสวยคมแต่ไม่ทันได้ทักทายต่อ ยายปริกลากนังจุกและจัดลูกเล้าเป็นพรวนแต่งตัวสีสันบ่งบอกอาชีพขายนาผืนน้อยมาประกาศเกรียวกราวว่านังจุกหรือจุรีนั้นเป็นแม่ของศจี ตัวแกเองก็เป็นยาย วันนี้แสนดีใจที่คนจากน้ำครำต่ำต้อยเรียนจบโรงเรียนคอนแวนต์ของผู้ดีมีฐานะได้ ทั้งที่แม่มาจากซ่องแม่บุญปลีก บรรดาไทยมุงอยากยุ่งเรื่องชาวบ้านก็ออกันเข้ามามองอย่างความสอดรู้สอดเห็น บางคนปากไวก็ถามว่าจริงหรือไม่ ศจีกลับนิ่ง กลายเป็นนังจุกร้อนรนรีบปฏิเสธว่าตัวเองไม่ใช่แม่ของศจี กลัวลูกสาวจะอายแล้วรีบลากรีบดึงยายปริกกับบรรดาลูกเล้าให้กลับออกไป ลูกแก้วงงๆ แต่เชื่อว่าคนชั้นต่ำพวกนั้นเข้าใจผิด ชีวินจากที่มองศจีชื่นชมเปลี่ยนเป็นสายตาเหยียดหยามว่าชาติกำเนิดต่ำแต่ไม่เจียมตัว ยิ่งทำให้ศจีฮึดจะเอาชนะการดูถูกของชีวินไว้ในใจ แต่ฉากหน้าศจีขอตัวเดินออกมาไหล่ตรง คุณหญิงอรุณวตีและป้าวรรณเห็นเหตุการณ์นี้ก่อนจะกลับบ้านพร้อมชีวินและลูกแก้ว สุพรรณมาดักพบศจีที่ปากซอยเข้าบ้านแล้วพูดเตือนศจีว่าควรตื่นจากฝัน ยอมรับชาติกำเนิดที่แท้จริง ศจีแม้ภายนอกดูนิ่ง แต่ในใจกลับร้อนรุ่มต้องการเอาชนะคำสบประมาทไปจากตมให้จงได้ เมื่อศจีกลับถึงบ้านสวน จุกรีบลนลานเข้ามาขอโทษลูก เรื่องยายปริกไปโผล่ที่โรงเรียน แต่ศจีกลับนิ่งเฉยไม่เอ่ยถึงเรื่องนั้น สองแม่ลูกพากันเข้าไปบอกกล่าวตาศรี พ่อที่ศจีใช้เป็นแรงผลักดันให้ได้ดี จุกน้ำตาคลอกอดลูกไว้ภาคภูมิใจ บอกว่าศจีคือคนที่พลิกผันทุกอย่างในชีวิตโสมมของตัวเอง แล้วจุกก็หวนคิดถึง อดีตเมื่อ 18 ปีที่แล้ว… กรุงเทพมหานคร ปี 2500** ณ ซอกซอยแคบๆ ข้างหนึ่งขนาบด้วยคูที่เคยเป็นคลอง กลายสภาพเป็นบ่อน้ำครำส่งกลิ่นเน่าเหม็นเต็มไปด้วยขยะ อีกข้างเป็นรั้วสังกะสีสูงท่วมหัว เป็นที่รู้กันว่าตรอกนี้จะนำไปสู่บ้านของยายปริก แม่เล้าเจ้าของซ่องชื่อดังที่ให้บริการทางเพศกับลูกค้าชายทุกระดับ แต่วันนี้บ้านยายปริกปิดให้บริการ 1 วัน เพราะเป็นวันแต่งงานของ นังจุก ลูกเล้าที่ยายปริกเก็บจากกองขยะตั้งแต่เป็นทารกมาเลี้ยงดูในฐานะลูกสาว การกระทำนี้คือ ความดีงามเรื่องเดียวของยายปริก แรกเริ่มเลยยายปริกไม่ได้คิดจะให้นังจุกมาขายของเก่า แต่นังจุกกลับเลือกที่จะลงเล้าของยายปริกด้วยความเต็มใจ ด้วยใบหน้าสวยผิวพรรณดี นังจุกที่เปลี่ยนชื่อเป็นจุรีก็กลายเป็นดาวรุ่งระดับเหรียญทอง มีแขกติดใจสร้างรายได้ให้ยายปลีกมากมาย จนวันหนึ่งสังขารเริ่มร่วงโรย ลูกค้าบางเบา นังจุกเสร็จภารกิจค้ากามเดินมาหาข้าวต้มกินแถวๆ วัดใหญ่ศรีสุพรรณ วัดเล็กๆ ประจำชุมชนย่านนั้น ขากลับฝนตกลงมา นังจุกได้เจอกับตาศรี มรรคทายกของวัดที่เลิกงานบุญมาหลบฝนเช่นกัน ตาศรีมองสภาพของนังจุกแล้วตัดสินใจทำกุศลยิ่งใหญ่ ขอให้นังจุกเลิกทำอาชีพนี้ ชวนให้มาแต่งงานเป็นสามีภรรยา ทีแรกนังจุกเห็นเป็นเรื่องขำ เอามาเล่าให้ยายปริกกับบรรดาสมาชิกลูกเล้าฟังเป็นที่ครื้นเครงถกกันด้วยวาจาสองแง่สองง่ามว่าตาศรีตะบะแตกเป็นพวกมือถือสากปากถือศีลแล้วนังจุกก็ไม่สนใจ แต่ด้วยการตามตื๊อและข้อเสนอของตาศรีที่จะเป็นคนเลี้ยงดูจุกบวกกับสังขารที่ร่วงโรยหลุดร่วงจากตำแหน่งดาวรุ่งประจำเล้า ทำให้นังจุกเก็บไปนอนคิด แล้วตัดสินใจแต่งงานกับตาศรีโดยให้คำมั่นสัญญารู้กันสองคนว่าจะเลิกขายตัวเด็ดขาด **ปีพ.ศ.2500 คือยุคที่ซ่องรุ่งเรืองในไทย เรียกเมืองหลวงว่าบางกอกหรือพระนคร เปลี่ยนเป็น กรุงเทพมหานคร ในปี พ.ศ. 2515 เป็นต้นไป ในคืนวันแต่งงาน หลังจากที่ยายปริกเลี้ยงฉลองทุกคนด้วยเหล้ายาไม่อั้น ตาศรีที่ครองตนรักษาศีลนั้นถูกบรรดาลูกเล้าจับกรอกเหล้าไปหลายแก้วจนเมามายนอนไม่ได้สติอยู่บนห้องหอ นังจุกเองก็มีอาการเมามึนไม่ต่างกัน แล้วจู่ๆ ซิงค์ แขกอินเดียเจ้าหนี้รายใหญ่ของบรรดาลูกเล้าก็มาขอใช้บริการกับนังจุก ยายปริกปฏิเสธในคราวแรกว่านังจุกแต่งงานแล้ว ซิงค์ต่อรองว่า หากยอมให้นังจุกมานอนด้วยจะยกหนี้ให้ทั้งต้นและดอก ถือว่าเป็นของขวัญวันแต่งงานใส่ตะกร้าล้างน้ำจบหนี้กันไป ยายปริกจึงตัดสินใจส่งนังจุกเข้าห้องซิงค์ เหตุการณ์อัปยศนี้มีแต่ยายปริกเท่านั้นที่กุมความลับอยู่ ใครจะคาดถึงว่าครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายของอาชีพ จะทำให้นังจุกที่ย้ายไปอยู่กับตาศรีในฐานะสามีภรรยาที่ไม่เคยมีความสัมพันธ์ทางเพศกันเลยเกิดตั้งท้องขึ้นมา คนนอกอาจจะไม่เห็นเป็นเรื่องประหลาด แต่ตาศรีกับนังจุกรู้อยู่แก่ใจว่าอะไรเป็นอะไร ที่แน่ๆ ตาศรีนั้นเป็นชายไม่เต็มชาย พอนังจุกบอกยายปริก แกก็ตบอกผางพยายามทบทวนว่าใครกันที่เป็นพ่อลูกในท้องนังจุก ตาศรีกลับประกาศว่าลูกในท้องนังจุกคือ ลูกพระส่งมาเกิด ด้วยวัยชราเรี่ยวแรงเหลือน้อย แต่เพื่อลูก ตาศรียอมทำงานสารพัดอย่างหามรุ่งหามค่ำเพื่อหาเงินมาเก็บไว้เลี้ยงดูลูกที่จะเกิดมา ไม่ว่าจะเป็นสัปเหร่อหรือไปรับต่อโลงศพ ไม่เคยบ่นไม่เคยเกี่ยง เมื่อจุกคลอดลูกสาวหน้าตาสวยแต่ไม่มีเค้าตาศรีเลยเพราะเหมือนแขกผิวสีน้ำผึ้งตาคมขนตางอนผิวพรรณดีเหมือนแม่ ยายปริกมาเยี่ยมนังจุก เห็นหน้าทารกก็รู้ทันทีว่าใครเป็นพ่อลูกในท้องของนังจุก แอบกระซิบบอกนังจุกแล้วย้ำให้ปิดเป็นความลับ ตาศรีเห่อลูกสาวรักปานดวงใจ ตั้งชื่อให้ว่า ศจี คุยไปทั่วว่าลูกคนนี้โตขึ้นจะได้เป็นเจ้าคนนายคนและจะมีอนาคตดีงามสูงส่งกว่าพ่อแม่ นังจุกซะอีกที่รู้สึกตะขิดตะขวงใจบวกสำนึกผิด ไม่อยากให้ตาศรีเลี้ยงดูศจี แต่ความลับไม่มีในโลก เมื่อตาศรีรู้ว่านังจุกท้องเพราะลอบไปรับแขกในคืนวันแต่งงาน ตาศรีไม่ได้หึงหวง แต่ตาศรีผิดหวังที่จุกไม่รักษาคำสัญญาว่าจะไม่หันไปประกอบอาชีพนั้นอีก ทั้งที่ตั้งใจจะทำกุศลฉุดนังจุกให้พ้นจากบ่วงกามา ตาศรีใจสลายหมดแรงรับไม่ได้ เลยไปดื่มเหล้าไม่กลับบ้าน นังจุกได้แต่แปลกใจที่ตาศรีหายไป แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจนัก พอรุ่งเช้าคนมาส่งข่าวว่าตาศรีนอนตากฝนตายคาวัด จุดจบแสนเศร้าสะเทือนใจของตาศรีทำให้นังจุกรู้สึกละอายความผิดที่ทำไว้ ตัดสินใจเปลี่ยนตัวเอง ยกมือสัญญากับผีตาศรีว่าจะเลี้ยงศจีให้ได้ดีตามที่ตาศรีหวังไว้ และจะทำทุกทางเพื่อกันศจีออกจากซ่องของยายปริก อย่างน้อยเป็นการไถ่บาปกับตาศรี แต่ยายปริกยังพยายามตื๊อให้นังจุกเอาศจีไปบังคับให้ซิงค์ยอมรับเป็นลูก รู้ว่าซิงค์อยากมีลูกมาก เมียอินเดียที่อยู่ด้วยกันไปขอลูกกี่หนก็ไม่เคยสมหวัง แต่ลึกๆ แล้วยายปริกเห็นแก่ทรัพย์สมบัติเงินทองมากมายของซิงค์ แต่นังจุกไม่ยอม แล้วเริ่มห่างหายจากการพบยายปริก หันมาทำงานที่ไม่เคยทำ ปลูกผักทำสวนเพื่อหาเลี้ยงศจี ให้ได้มีกินมีใช้เท่าเทียมคนอื่น แม้จะต้องเหนื่อยจนสายตัวแทบขาดเพราะทั้งชีวิตที่ผ่านมาไม่เคยลำบากก็ตาม ศจีจึงเติบโตขึ้นมาในสิ่งแวดล้อมระหว่างวัดกับซ่อง แต่ด้วยมันสมองที่เป็นเลิศกิริยาวาจาฉะฉานไม่ยอมใคร จากวัยเด็กที่เคยแวะเวียนไปบ้านยายปริก เห็นชีวิตความเป็นไปของลูกเล้าลูกค้าสารพัด แต่เมื่อเป็นวัยรุ่นได้เรียนสูงขึ้น มีการศึกษาเกินหน้าเกินตาคนในชุมชน ศจีก็เริ่มมองเห็นและเรียนรู้ว่าทุกสิ่งอย่างในโลกนี้ต้องได้มาด้วยสองมือฟันฝ่า จึงทำให้ศจีมีความทะเยอทะยานต้องการถีบตัวเองให้สูงส่งได้เป็นเจ้าคนนายคน เป็นคุณหญิงตามคำอวยพรที่กรอกหูและความคาดหวังของตาศรี พ่อที่มีแต่คนยกย่องจากการบอกเล่าของแม่ จะได้กลบตราบาปที่ติดตัว ศจีจึงวางกิริยาท่าทางของตัวเองใหม่ให้เป็นคนมีชนชั้น ไม่เสวนากับยายปริก และคนในชุมชน หลังจากจบชั้นประถมศึกษา ศจียืนกรานจะเรียนต่อ นังจุกจึงพาศจีมาขอเข้าเรียนที่โรงเรียนคอนแวนต์ สถานศึกษาที่ลูกผู้ดีมีเงินมาหาความรู้บวกแข่งขันและแอบเหยียดหยามคนที่ด้อยกว่า สังคมที่ฉากหน้าเรียกตัวเองว่าผู้ดีแต่ฉากหลังฟอนเฟะไม่ต่างจากลูกเล้าของยายปริก ด้วยความเมตตาจากมาแมร์ ศจีจึงได้ทุนเรียนฟรี ศจีใช้จุดเด่นดับปมด้อยชาติกำเนิดด้วยการเรียนดี กิริยามารยาทงดงามไม่มีที่ติ ณ โรงเรียนแห่งนี้ศจีมีเพื่อนรักเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวคือ แกมแก้ว หรือ ลูกแก้ว ที่เป็นคนตั้งชื่อให้ศจีใหม่ว่า ศุภศจี จริงๆ ต้องบอกว่าลูกแก้วต่างหากที่ต้องการศจีเป็นเพื่อนสนิท เพราะลูกแก้วนั้นเป็นคุณหนูที่เกาะติดศจีทุกย่างก้าว เนื่องจากทำอะไรไม่เป็น ชีวิตเติบโตมาแบบไม่ติดดิน ไม่เคยลำบาก ลูกแก้วจึงชวนศจีให้นั่งรถส่วนตัวที่มาส่งมารับให้แวะไปบริการรับส่งศจีด้วย ศจียอมนั่งรถคันโก้ของลูกแก้ว ด้วยการนัดพบกันริมถนนปากซอย แล้วขากลับก็ส่งที่เดิม ไม่เคยยอมให้ไปที่บ้านแม้แต่ครั้งเดียว ลูกแก้วเป็นคนหัวอ่อน ขอเพียงศจียินยอมสนิทสนมด้วย เพื่อนบอกว่าอะไรยังไงก็ได้ไม่ใช่ปัญหา จนถึงวันจบการศีกษาที่นังจุกได้ภาคภูมิใจกับศจี เพราะเรียนดีมีความสามารถจนได้รับเลือกให้ขึ้นแสดง... นังจุกหลุดจากอดีต ปาดน้ำตามองสายฝนโปรยปราย ไม่ต่างจากคืนที่ตาศรีจากไป แล้วบอกกับภาพถ่ายตาศรีว่า "หนูทำสำเร็จไปอีกขั้นหนึ่งแล้วนะน้า" เหมือนจะไถ่บาปในใจ ดึกแล้วศจีเห็นจุกไม่ยอมนอนเลยเข้ามาบอกแม่ว่าจะไม่เรียนต่อแล้ว เพราะศจีรู้ดีว่าอนาคตเธอนั้นไม่จำเป็นจะต้องพึ่งปริญญา ทั้งที่เพื่อนส่วนใหญ่เลือกจะไปสอบเอนทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังเมืองไทย หรือบางคนไปเรียนต่อถึงต่างประเทศ แต่ศจีกลับเลือกจะทำงาน ลึกๆ ศจีรักแม่ ไม่อยากให้แม่ลากสังขารทำงานทำสวนต่อไปอีก นังจุกยามนี้ร่างกายผ่ายผอมหมดสภาพ เป็นเพียงหญิงชราที่หมดหวังในชีวิต ทุกอย่างตามใจลูก ศจีเองก็พูดกับแม่นับคำได้ บางวันไม่เคยพูดจากันเลยก็มี พอศจีบอกว่าไม่เรียนต่อจะทำงาน นังจุกก็ไม่คัดค้านใดๆ แต่คิดในใจว่าคงไม่หยุดปลูกผัก เก็บผักขายอยู่ดี คฤหาสน์หลังงามของคุณหญิงอรุณวตียังเปิดไฟส่องสว่าง เพราะ ปราจิต ท่านทูตหนุ่มหล่อสามีของคุณหญิงเพิ่งกลับจากการควงคู่รัชนีฉาย น้องสาวต่างแม่ลูกผู้น้องของคุณหญิงที่สวยเหมือนดอกไม้สีสดออกงานสังคมแล้วพากันไปฟังเพลงต่อ แม้จะดึกแล้วแต่รัชนีฉายก็ยังหัวเราะเสียงใสแววตาเปี่ยมสุขทำเหมือนเป็นคู่รักข้าวใหม่ปลามัน พอเห็นว่าคุณหญิงยังไม่นอนก็ทำท่าห่วงใยสุขภาพ แล้วบอกว่ายินดีจะเป็นตัวแทนคุณหญิงออกงานกับปราจิต และทำทุกอย่างแทนให้ดีหรือดีกว่าอย่ากังวล ภาพน้องสาวที่ร่วมใช้สามีด้วยนั้นเจ็บลึกในใจคุณหญิงอรุณวตี แต่ฉากหน้ามีเพียงยิ้มเยือกเย็น จนป้าวรรณอดเห็นใจนายที่หวานอมขมกลืนเพราะเป็นผู้ดีมีแต่ให้ไม่ได้ รัชนีฉายยังไม่หยุด ออดอ้อนออเซาะปราจิตอยากมาใช้ห้องหอของพี่สาวในคืนนี้ แต่ปราจิตกลับไม่ตกลง เว้นไว้เกรงใจภรรยา รับปากจะไปหาที่ห้องนอนของรัชนีฉายแทน แต่อย่างไรก็ไม่ค้างด้วยทั้งคืน รัชนีฉายแม้ไม่พอใจ แต่ก็จำต้องยอมไปก่อน วันที่ศจีมาพบมาแมร์เพื่อของานทำ มาแมร์เห็นเป็นคนเก่งภาษาอังกฤษ พิมพ์ดีดได้ จึงรับศจีให้ทำงานในฝ่ายธุรการของโรงเรียน ด้านสุพรรณไม่ได้เจอหน้าศจีก็คิดถึงมาดักพบ อ้างเพื่อขอโทษที่ไปงานโดยไม่บอกล่วงหน้า แล้วถามว่าศจีเลือกคณะที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยหรือยัง เขายินดีจะติวสอบให้เพราะเคยผ่านการสอบมาก่อนจนตอนนี้เป็นนิสิตรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเก่าแก่ปีสองแล้ว ศจีกลับบอกแค่ขอบใจ ไม่ยอมเล่าว่าเธอเลือกทำงาน... สุพรรณนึกถึงปีที่แล้วตอนเข้ากรุงเทพมาอาศัยวัด เจอศจีก็หลงรักทันที เขาวาดหวังว่าเมื่อเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้วได้เป็นปลัดอำเภอ จะสร้างอนาคตเพื่อศจี หญิงที่เป็นรักแรกพบ เพื่อชักนำตัวเองและศจีหลุดจากปรักตมของชุมชนแออัดที่อย่างกึ่งกลางระหว่างวัดกับซ่อง สุพรรณไม่รู้ว่าความใฝ่สูงทำให้ศจีแม้จะหวั่นไหวตามวัยแต่กลับกักเก็บความรู้สึกนั้นไว้และไม่คิดจะฝากอนาคตไว้กับเด็กวัดที่มาขออาศัยอยู่ที่วัดใหญ่ศรีสุพรรณ ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย แม้สุพรรณจะคอยตามส่งไมตรีให้อย่างต่อเนื่อง ยามศจีไปทำงาน สุพรรณไปเรียน ก็ตามออกค่ารถเมล์ให้ แต่ศจีกลับปฏิเสธสุพรรณด้วยท่าทีเยาะหยัน ดูถูกว่าไม่เจียมตัว คิดจะมีแฟน ศจีไม่เคยรู้มาก่อนว่าท่าทางเหยียดหยามอย่างต่อเนื่องของเธอนั้นได้แปรความรักกลายเป็นความแค้นที่สุพรรณคอยเวลาจะเอาชนะ ที่แท้ชีวินคือหนึ่งในเพื่อนนิสิตร่วมคณะของสุพรรณ ด้วยกิจกรรมกลุ่มทำให้สองหนุ่มเริ่มสนิทกัน เลยมีผลให้แกมแก้ว นิสิตปีหนึ่งได้พบและรู้จักกับสุพรรณ รุ่นพี่ปี 2 รูปหล่อที่มีบุคลิกเงียบขรึมไม่แสดงท่าตื่นเต้นเมื่อเจอลูกสาวท่านทูต ขณะที่แกมแก้วนั้นตกหลุมรักสุพรรณ วาดฝันอยากเป็นแฟนด้วยในใจ งานธุรการโรงเรียนทำให้ศจีสามารถเก็บเกี่ยวความรู้และประสบการณ์ทั้งการทำงาน การเข้าสังคมผู้ดี การเล่นเปียโน เย็บปักถักร้อย และเรียนรู้ภาษาฝรั่งเศสเพิ่มเติมได้อย่างดี ศจีจึงกลายเป็นสาวสวยที่โตกว่าเพื่อนวัยเดียวกัน มีความเชื่อมั่นในตัวเองและวางตัวดีมีระดับ แล้ววันหนึ่งลูกแก้วแวะมาหามาอวดศจีว่าได้เข้าเรียนในคณะดังของมหาวิทยาลัยมีชื่อเก่าแก่ แล้วยังได้ทาบทามให้ศจีไปทำงานเป็นเลขาส่วนตัวคุณหญิงอรุณวตี เพราะคุณหญิงแม่นั้นสุขภาพไม่ดี แต่ด้วยมีภารกิจต้องรับแขกบ้านแขกเมืองร่วมกับสามีที่มีตำแหน่งใหญ่มีเกียรติในกระทรวงต่างประเทศ ไหนจะงานสังคมสงเคราะห์มากมายที่ช่วยสนับสนุนให้เกียรติยศของสามีดูดีไม่ด่างพร้อยอีก จึงต้องการผู้ช่วยที่จะมาจัดการงานจุกจิก เพื่อเตรียมความพร้อมให้คุณหญิงไม่เหน็ดเหนื่อยเกินไป ศจีมองเห็นอนาคตว่า ถ้าอยากเป็นคุณหญิง ก็ต้องเรียนรู้วิถีและซึมซัมจากคุณหญิงตัวจริง ศจีจึงตอบรับงานนั้นด้วยการยื่นใบลาออกจากคอนแวนต์ทันที มาแมร์ไม่คัดค้าน ก่อนจากยังได้เตือนสติศจีเป็นครั้งสุดท้ายว่า "ตลอดชีวิต จะไม่มีใครได้ชัยชนะเสมอไป ถ้าเรารู้จักคำว่าแพ้เสียบ้าง เราจะได้ไม่เสียใจจนเกินไป" คำพูดของมาแมร์อยู่ในความทรงจำแต่ไม่ทะลุเข้าไปถึงหัวใจ เพราะศจีมีความเชื่อมั่นว่า "มันสมองกับสองมือเท่านั้น ที่จะช่วยเธอให้บรรลุฝันนั้นได้" เป้าหมายของศจีคือ การถีบตัวเองออกจากการถูกตราหน้าว่าเป็นลูกของผู้หญิงหากิน เติบโตในซ่อง พ่ออย่างตาศรีก็ตายจากไปปริศนา พ่อที่ไม่ได้ตั้งใจอย่างซิงค์ก็ไม่อยู่ในสายตา เมื่อโอกาสอยู่ตรงหน้า ศจีต้องมีต้องได้ต้องไปให้ถึง คฤหาสน์หรูหราของคุณหญิงอรุณวตีนั้นเหมือนบ้านในฝันของใครหลายๆ คนรวมทั้งศจีด้วย แต่ในความเป็นจริง บ้านหลังนี้ก็แค่ภาพมายาหรูหราร่ำรวยมีเกียรติแต่แอบซ่อนเรื่องร้อนเร้นลับน่าอับอายไว้ไม่ต่างจากซ่องของยายปริก เหตุมาจากคุณหญิงอรุณวตีป่วยด้วยโรคหัวใจจึงไม่สามารถทำหน้าที่ทั้งในฐานะภรรยาทางพฤตินัยและออกงานสังคมเฉิดฉายในฐานะคุณหญิงของท่านทูตได้เต็มที่ ปราจิตกับรัชนีฉายจึงมีข้ออ้างที่จะควงคู่ไปไหนๆ ได้อย่างชอบธรรม แท้จริงแล้วรัชนีฉายเป็นลูกสาวของอาลัย น้าของคุณหญิงที่มีศักดิ์เป็นแม่เลี้ยงเพราะแต่งงานกับพ่อคุณหญิงหลังจากอุราแม่คุณหญิงจากไปด้วยโรคภัย เหมือนประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย รัชนีฉายไม่ใช่แค่ออกงานกับปราจิตเท่านั้น แต่เธอยังจ่อคิวจะรับมรดกเป็นคุณหญิงทูตต่อจากพี่สาวซึ่งสามวันดีสี่วันไข้ด้วยการแอบมีสัมพันธ์กับคุณปราจิตตั้งแต่คราวแอบติดตามปราจิตไปเมืองนอก แล้วเลื่อนขั้นจากน้องสาวภรรยา เป็นภรรยาลับๆ เหตุการณ์เจ็บปวดนี้ ปราจิตแค่สารภาพกับภรรยาว่า ผู้ชายนั้นต่างจากผู้หญิงยังต้องการเรื่องอย่างนี้เพื่อความชุ่มชื่นหัวใจ เหมือนกินอาหารมื้อหลักแล้วต้องมีผลไม้หรือของหวาน แล้วแทนที่จะไปวุ่นวายกับหญิงอื่น สู้เป็นน้องสาว เรื่องทุกอย่างน่าจะรอมชอมและเรียบร้อยไร้คำครหา คุณหญิงอรุณวตีแม้เจ็บแสนเจ็บที่สภาพของตัวเองไม่ต่างจากแม่และน้าที่ร่วมใช้สามีคนเดียวกันแต่ก็จำต้องยิ้มรับ พร้อมบอกสามีว่าต่อจากนี้ไปจะให้สิทธิ์สามีทางพฤตินัย มีเครื่องมือระบายอารมณ์ได้ ปราจิตเลยยิ่งอิ่มเอม ดีใจที่ภรรยาไม่ต่อว่าโวยวาย รัชนีฉายเมื่อรู้เรื่องนี้ก็ดีใจ แต่กิเลสตัณหาเป็นของไม่เข้าใครออกใคร แรกๆ ลักกินขโมยกินก็สนุกตื่นเต้น แต่พอนานวันเข้า ย่อมอยากจะครอบครองเป็นของตัวเองคนเดียว จึงทำให้รัชนีฉายล้ำเส้นพยายามจะมาแทนที่ ทำเหมือนคุณหญิงไม่มีลมหายใจอยู่แล้ว ฉากหน้านั้นคุณหญิงอรุณวตีคล้ายยอมรับสถานภาพลับๆ ของสามีกับน้องสาวได้ ไม่มีใครรู้ว่าคุณหญิงมีแผนอันแยบยลจะเอาคืนสามีกับน้องสาวที่ไม่รู้จักหยุดจักพอหรือสำนึกถึงศีลธรรม เมื่อวันงานโรงเรียนคุณหญิงได้เห็นศจีและรับรู้เรื่องราวประวัติของศจีจากลูกแก้วเพิ่มเติม คุณหญิงจึงเดินหน้าทันที เพราะห่วงว่าหากไม่จัดการสิ่งใดก่อนที่จะจากลาโลกนี้ไป ลูกชายลูกสาวแท้ๆ อาจจะต้องเผชิญปัญหาที่แก้ไม่ตก เพราะรัชนีฉายไม่เคยหยุดจะแสดงให้ใครๆ รู้ว่าเธอนั้นมาแชร์สามีและรอรับมรดกตำแหน่งคุณหญิงภรรยาทูตด้วยการวางตัวลับหลังเป็นเจ้าของบ้าน เจ้ากี้เจ้าการทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับปราจิต แล้วลามไปถึงลูกชายลูกสาวของเธอ ชีวินนั้นตัดปัญหาไม่อยากให้แม่ทุกข์ใจด้วยการเลี่ยงจะเสวนากับผู้เป็นน้าที่แสดงตัวชัดว่าจะเป็นแม่เลี้ยงคนใหม่ ดังนั้นเมื่อศจีก้าวเข้ามาทำงานในฐานะ "ศุภศจี" เลขาส่วนตัวของคุณหญิง ศจีจึงกลายเป็นที่จับตามองของรัชนีฉาย เริ่มระแวงว่าคุณหญิงจะใช้ศจีเป็นตัวลดอำนาจและแย่งชิงพื้นที่ อาการเป็นเดือดเป็นร้อนของรัชนีฉายถูกคุณหญิงอรุณวตีเฝ้าดูพร้อมรอยยิ้มด้วยปากถากด้วยนัยน์ตา ป้าวรรณมองด้วยความเป็นห่วง อายุที่ผ่านโลกมานานทำให้รู้ว่าศจีนั้นเห็นนิ่งๆ แต่แววตาซ่อนบางอย่างที่ไม่ธรรมดาไว้ แผนการและกลยุทธ์ของคุณหญิง เรื่องน้ำตาลใกล้มด มีหรือมดจะห้ามอดใจได้ และมดนั้นก็ไม่เคยหยุดอยู่ที่น้ำตาลเพียงกองเดียวจึงเริ่มต้นขึ้นอย่างเงียบๆ ด้วยความสวยในวัยแรกแย้มท่าทางการวางตัวที่โตเกินไวและสีหน้าสงบนิ่งของศจีที่คุณหญิงเนียนๆ เอาใส่พานเสนอสามีก็ได้ผล ปราจิตเริ่มต้องตาศจี สาวสวยคนใหม่ที่สดใสด้วยวัยน้อยนิด ยิ่งนิ่งยิ่งน่าค้นหา บวกกับปราจิตเริ่มเบื่อคนเก่าที่แม้จะสาวกว่าภรรยาตามกฎหมายแต่ก็ใช้จนทะลุปรุโปร่ง ยิ่งรัชนีฉายพยายามจะแสดงความเป็นเจ้าของทั้งที่เป็นแค่ตัวสำรอง ในสายตาคาสโนว่าที่เจนเวทีของปราจิตเลยมองเห็นศจีเป็นของหวานที่อยากลิ้มลองเย้ายวนใจปราจิตยิ่งนัก ตื่นเต้นที่จะหาทางเข้าไปชิมของหวานใหม่ในเร็ววัน ยิ่งศจีเข้ามาทำงานใกล้ชิดกับคุณหญิงมากเท่าไหร่ ศจีก็เริ่มซึมซับกิริยามารยาทไม่ว่าจะเป็นการเดิน พูดจาหรือกินข้าว และความรู้ในการเข้าสังคมซึ่งศจีนั้นสามารถใช้ภาษาที่ร่ำเรียนจากคอนแวนต์ได้อย่างคล่องแคล่ว จนอากัปกิริยาของศจีนั้นเหมือนกันคุณหญิงเข้าไปทุกวัน คุณหญิงเองก็จะคอยย้ำกับแขกผู้ดีมีเกียรติทุกคนอยู่เสมอว่าศจีนั้นเป็นเหมือนตัวแทนของตัวเอง อีกทั้งยังคอยหยิบยื่นเสื้อผ้าสวยมีราคาให้ แถมยังยกพลอยสีเขียวสดที่ประมูลซื้อเพื่อการกุศลให้ศจี จนบรรดาคุณหญิงคุณนายแอบนินทาว่าเหมือนไก่ได้พลอย ศจียอมรับมาด้วยอาการไม่ยินดีใดๆ จนวันหนึ่งศจีกลับจากทำงานแล้วพบว่ายายปริกและลูกเล้ามาดักรออยู่ปากทางเข้าเพื่อบอกข่าวเรื่องซิงค์ว่ากำลังเป็นตายเท่ากันอยู่ที่โรงพยาบาล ด้วยความโลภไม่สิ้นสุด ยายปริกเห็นว่าเป็นโอกาสดีที่จะพยายามอีกครั้งให้ศจีแสดงตัวเป็นลูกเพื่อหวังจะฮุบเอาเงินทองทรัพย์สมบัติของซิงค์ แต่ศจีกลับเชิดหน้าปฏิเสธด้วยท่าทีหยิ่งยโส ทั้งที่ในใจเดือดพล่าน คณะของยายปริกจึงต้องหน้าแตกกลับไป แต่ข่าวต้นกำเนิดแท้จริงของศจีนั้นกลับไม่จบ เรื่องอย่างนี้มักจะเป็นที่สนุกปากชาวบ้านนัก เลยต่างขุดคุ้ยใส่ตีไข่กันอย่างรื่นรมย์ จนศจีที่เคยวางตัวเหมือนผู้ดีนั้นต้องหลุดปากด่าว่าด้วยถ้อยคำเผ็ดร้อนซึ่งเป็นอีกภาคที่ซึมซับมาจากเล้าของยายปริก จนชาวบ้านปากเสียต้องกระเจิงไปตามๆ กัน เว้นแต่สุพรรณที่ยืนมองศจีด้วยสายตายิ้มเยาะพร้อมบอกศจีว่า "โบราณเขาว่าอย่าเอาทองมาครูดกระเบื้อง เว้นเสียแต่ว่าสัญชาตินั้นจะเป็นกระเบื้องด้วยกัน" แล้วเดินจากมา ทิ้งให้ศจีนั้นเก็บความโกรธแค้นไว้ในใจ ความรักที่ดูสูงค่าซึ่งสุพรรณเคยมีให้ศจี ตอนนี้เปลี่ยนเป็นความชังสมบูรณ์แบบแล้ว ลูกแก้วเฝ้ารอคอยจะเล่าให้ศจีฟังว่า ตอนนี้ได้ตกหลุมรักรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยคนหนึ่ง ซึ่งเป็นเพื่อนของชีวิน อยากขอคำปรึกษาศจีซึ่งทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดีเหมือนทุกครั้ง พอลูกแก้วบอกว่าอยากหาของขวัญดีๆ ให้รุ่นพี่ในวันเกิด ศจีเลยยกพลอยสีเขียวสดที่รับมาจากคุณหญิงให้ลูกแก้วที่ดีใจมากมาย ชักชวนศจีให้อยู่ฟังเรื่องตัวเองจนมืดค่ำ ปราจิตจึงได้โอกาสอาสาขับรถไปส่งศจีที่บ้าน เพราะมีแผนการลึกซึ้ง เปิดโอกาสให้ตัวเองได้ใกล้ชิดกับศจีนั่นเอง
|
05-04-2022 Views: 26145
หมวดสินค้า: ซีรีย์ไทย ละครไทย |
| |
|
| |