โกโกริโกะเกมส์กึ๋ย
กบนอกกะลา
TV Champion
เชฟกะทะเหล็ก
คู่หูคู่ฮา
ขำกลิ้ง ลิงกับหมา
แก๊งซ์ 3 ช่า
คลิกดูรายละเอียด
เรื่องย่อหนึ่งด้าวฟ้าเดียว“บทเรียนที่ผ่านมาของวันคืนที่สูญเสีย มันจะต้องไม่หวนกลับมาอีก เราทุกคนที่ผ่านวันเวลาทุกข์ยากของแผ่นดินมาถึงยามนี้ เหมือนได้รับชีวิตใหม่ ภายใต้ท้องฟ้าผืนเดียวกัน”ในรัชสมัยของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศแห่งกรุงศรีอยุธยา เป็นยุคสมัยที่สงบสุข ปราศจากศึกใหญ่มาหลายปี แต่ก็ยังมีภัยจากพวกขุนนางทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวง ที่คอยรังแกประชาชนตาดำๆอยู่ แต่ก็ยังโชคดีที่มี เสือขุนทอง คอยช่วยเหลือพวกชาวบ้านจากเงื้อมมือขุนนางชั่ว และปล้นพวกเศรษฐีหน้าเลือดมาช่วยคนยากจน เป็นเหมือนวีรบุรุษของเหล่าคนยาก ขุนทองมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว และได้รับความช่วยเหลือจากชาวบ้านทำให้พ้นเงื้อมมือของทางการมาได้ตลอด จนกระทั่งวันหนึ่ง ขุนทองก็ได้พบกับ พระสมุทรวาณิช ขุนนางใหญ่ผู้ร่ำรวยซึ่งเป็นชาวโต้ระกี่ (ตุรกี) ซึ่งขุนทองจำได้แม่นยำ ว่าพระสมุทรวาณิชก็คือคนเดียวกับ “โจรสลัดตาเขียว” ผู้โหดเหี้ยม ที่เคยฆ่าล้างครอบครัวของตน ทำให้ชีวิตตนต้องพลิกผันมาเป็นจอมโจรขุนทองอย่างทุกวันนี้ ขุนทองตั้งใจจะล้างแค้น ก่อนจะสืบได้ว่าพระสมุทรวาณิชจะจัดงานแต่งงานให้ลูกสาวคนสวยชื่อ สาลิกา กับ หลวงเทพทินกร ขุนนางหนุ่มรูปงาม ขุนทองเลยคิดจะบุกฆ่าพระสมุทรในงานนี้ แต่แผนการของขุนทองก็เกิดผิดพลาด ทำให้ต้องจับตัวสาลิกาเป็นตัวประกันเพื่อช่วยให้ตนหนีรอดมาได้ ขุนทองได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ก็ยังพาสาลิกาหนีเข้าป่าไปจนได้ สาลิกาเห็นขุนทองอาการหนัก เลยคอยดูแลด้วยความเป็นห่วง ในขณะเดียวกันขุนทองก็คอยปกป้องสาลิกาจากพวกโจรที่คิดร้าย จนเกิดเป็นความผูกพันกันขึ้นอย่างไม่รู้ตัว แต่ทั้งคู่ก็ต้องหักห้ามใจไว้ เพราะสาลิกามีหลวงเทพทินกรแล้ว ส่วนขุนทองก็ท่องขึ้นใจตลอดเวลาว่าสาลิกาเป็นลูกสาวของศัตรูที่ฆ่าครอบครัวของตน ขุนทองพาสาลิกากลับมาส่งบ้านอย่างปลอดภัยโดยที่ทั้งคู่ต้องจากกันด้วยความสับสนในใจ สาลิกาพยายามไม่คิดฟุ้งซ่าน และคิดจะเป็นภรรยาที่ดีของหลวงเทพทินกร แต่หลวงเทพกลับรังเกียจสาลิกาเพราะสาลิกาหายไปกับโจรหลายวัน เป็นหญิงมีมลทินซะแล้ว สาลิกาเสียใจที่หลวงเทพไม่เชื่อในความบริสุทธิ์ของตน จนถึงกับคิดจะฆ่าตัวตายเพื่อหนีความอับอาย แต่ขุนทองกลับช่วยชีวิตสาลิกาเอาไว้ได้ทัน ทำให้ทั้งคู่เปิดใจให้กัน และตกลงที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ขุนทองตัดสินใจใช้ชีวิตอย่างเงียบๆกับสาลิกาจนมีลูกด้วยกันคือ ขันทอง วัย 5 ขวบ พระสมุทรวาณิชก็ตามตัวเจอ และฉวยโอกาสที่ขุนทองพาลูกไปหาของป่า ก็บุกลักพาตัวลูกสาวกลับไป ขุนทองรู้เรื่องก็พาลูกชายออกตามหาสาลิกา โดยบุกไปที่เรือนของพระสมุทร แต่กลับเจอพระสมุทรกับหลวงเทพฆ่ากันตายจนหมด เพราะทั้งคู่หักหลังกันเรื่องผลประโยชน์การค้า ขุนทองไม่ติดใจความแค้นเก่าอีกเพราะถือว่ากรรมตามสนองแล้ว แต่ก่อนตายพระสมุทรก็สารภาพผิด และบอกว่าตนได้ส่งสาลิกาเข้าวังไปเป็นคุณท้าวในวังแล้ว ขุนทองมาขอความช่วยเหลือจาก มิ่ง อดีตชาวบ้านยากจนที่ตนเคยช่วยไว้ ซึ่งตอนนี้กลายเป็นเศรษฐีไปแล้ว มิ่งช่วยขุนทองสุดความสามารถ จนรู้ข่าวร้ายว่าสาลิกาได้ฆ่าตัวตายอยู่ในวังไปแล้ว ขุนทองเสียใจถึงที่สุด แต่ไม่เชื่อว่าสาลิกาจะฆ่าตัวตาย เลยพาขันทองไปฝากพระภิกษุไว้ ก่อนที่ตนเองจะหาทางสืบความจริงเกี่ยวกับการตายของสาลิกาให้ได้ แต่นั่นกลับเป็นครั้งสุดท้าย ที่ขันทองได้เห็นพ่อ เพราะขุนทองไม่ได้กลับมาหาลูกอีกเลย กาลเวลาผ่านไปในรัชสมัยของพระเจ้าเอกทัศแห่งกรุงศรีอยุธยา ไม่กี่ปีหลังจากพระเจ้าอลองพญาแห่งกรุงอังวะทรงยกทัพมาล้อมอยุธยาแต่กลับสิ้นพระชนม์ไปก่อนจะทำสงครามจบ กรุงศรีอยุธยาก็กลับสู่ความสงบสุขอีกครั้งหนึ่ง ประเทศต่างๆ พากันส่งเรือสำเภา บรรทุกเครื่องราชบรรณาการมายังกรุงศรีอยุธยา เช่นเดียวกับเรือสำเภาจากเมืองโต้ระกี่ (ตุรกี) ที่ส่งเครื่องราชบรรณาการมาพร้อมกับ สิขันทิน ขันทีคนใหม่ ที่ได้รับมอบหมายให้เข้าไปทำหน้าที่อยู่ในฝ่ายในของวังหลวง สามปีผ่านไป แมงเม่า ลูกสาวของเศรษฐี มิ่ง แห่งบ้านนางเลิง กำลังอยู่ในวัยแตกเนื้อสาว มีชายหนุ่มมากมายหมายปองสาวน้อยคนนี้ แต่ว่าแมงเม่าไม่เคยยอมตกลงปลงใจรับหมั้นผู้ชายคนใด เศรษฐีมิ่งก็ไม่สามารถบังคับแมงเม่าได้ เพราะแมงเม่ามีนิสัยแก่นแก้ว ดื้อรั้น เอาแต่ใจ ไม่ยอมคน อีกทั้ง กรมขุนวิมล (เม่า) เชื้อพระวงศ์ชั้นสูงผู้มีบุญคุณกับแมงเม่าและครอบครัว เคยขอร้องไว้ว่าอย่าบังคับใจแมงเม่า เศรษฐีมิ่งจึงไม่กล้าขัดพระทัย แมงเม่ามีความสามารถอ่านออกเขียนได้ผิดจากหญิงสาวทั่วไป เนื่องจากที่บ้านเศรษฐีมิ่งเป็นโรงทำกระดาษและซ่อมแซมสมุดหนังสือต่างๆ สิ่งที่แมงเม่าสนใจเป็นพิเศษก็คือกลอักษร แมงเม่ามักจะใช้เวลาว่างศึกษาหาความรู้เรื่องกลบทเหล่านั้นจาก ม่วง พี่ชายแท้ๆ อยู่เสมอ ม่วงเป็นลูกชายคนโตของเศรษฐีมิ่ง เศรษฐีมิ่งจึงหวังจะให้ม่วงมีบุตรสืบสกุลและสืบทอดกิจการทำกระดาษของครอบครัว แต่ม่วงกับ อิน เมียสาว ไม่เคยมีความสัมพันธ์กันเลยแม้แต่ครั้งเดียว เพราะทุกครั้งอินมักจะโวยวายว่าผีของอิ่ม พี่สาวแท้ๆ ของอินที่เป็นเมียคนแรกของม่วงจะมาหักคอเธอ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงไม่ค่อยราบรื่นนัก ม่วงจึงมักจะไปพักค้างคืนอยู่กับ ยี่สุ่น โสเภณีในโรงรับชำเราเป็นประจำ ม่วงมักจะมีเรื่องราวชกต่อยกับ กล้า นักเลงหัวไม้จากบ้านริมโรงฆ้อง แต่กล้าก็มักจะแพ้ม่วงเสมอ กล้าแค้นมากและคิดจะหยามม่วงด้วยการเอาแมงเม่าเป็นเมียให้ได้ ระหว่างเที่ยวเล่นอยู่ในเมือง แมงเม่าเห็นที่หน้าร้านขายเครื่องหอมมีทหารมายืนคุ้มกันใครบางคนอยู่ จึงหยุดรอดู แต่กลับถูกพวกทหารไล่ แมงเม่าไม่พอใจมาก จึงมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกัน ออกพระศรีขันทิน ขันทีหนุ่มที่อยู่ในร้านเครื่องหอมได้ยินเสียงเอะอะ ก็ออกมาดูและได้ช่วยเหลือแมงเม่าไว้ก่อนที่จะถูกทำร้าย เมื่อเห็นหน้าแมงเม่า ออกพระศรีฯ ก็รู้สึกคุ้นเคยกับแมงเม่าอย่างประหลาด ลูกน้องทั้งสองของแมงเม่าเห็นหน้าออกพระศรีฯ ก็ตกใจ รีบลากแมงเม่ากลับไปทันที แมงเม่าไม่เข้าใจว่าทำไม จึงไปถามกับม่วง ม่วงบอกว่าออกพระศรีขันทินเป็นขันทีที่ใหญ่ที่สุดในวัง มีหน้าที่คอยควบคุมเหล่านางในอยู่ที่ฝ่ายใน แมงเม่าได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกหวาดกลัวออกพระศรีฯ ที่ไม่รู้ว่าจะเป็นชายหรือหญิงกันแน่ แต่ความจริงแล้วออกพระศรีขันทินก็คือ ขันทอง จารบุรุษที่จำเป็นต้องปลอมตัวเป็นขันทีแทนสิขันทินที่เสียชีวิต และเข้าไปยังฝ่ายในเพื่อสืบหาสาเหตุการตายอย่างเป็นปริศนาของพ่อและแม่ของเขาในวังด้วย โดยมี พันหาญ คอยให้ความช่วยเหลืออย่างลับๆ อยู่ภายนอกวัง เมื่อสมัยที่ขันทองเป็นเด็กก็เคยเจอกับแมงเม่ามาแล้ว และยังได้ช่วยชีวิตแมงเม่าที่แอบไปว่ายน้ำเล่นคนเดียวไม่ให้จมน้ำด้วย จึงไม่แปลกที่แมงเม่ารู้สึกเหมือนคุ้นเคยกับขันทีหนุ่ม เพียงแต่แมงเม่ายังนึกไม่ออกว่าขันทีหนุ่มคือคนเดียวกับพี่ขันทองของเธอ ขันทองเองก็คลับคล้ายคลับคลาแมงเม่าเช่นกัน แต่ตอนที่เขาเจอกับแมงเม่าสมัยเด็กนั้น แมงเม่ายังใช้ชื่อเก่าว่า หลง หญิงสาวเพิ่งจะมาเปลี่ยนชื่อแก้เคล็ดภายหลังเพราะป่วยหนัก ณ เวลานั้น ทั้งคู่จึงยังจดจำกันไม่ได้ แมงเม่าปลอมตัวเป็นชาย ก่อนจะแอบหนีจากเรือนเพื่อหนีการดูตัว และไปสมทบกับพวกของม่วงที่ไปเที่ยวงานสมโภชพระนคร ระหว่างนั้น แมงเม่ากับ ติ่น และ ผล ลูกน้องคนสนิท เห็นฉนวนที่สร้างไว้ให้เหล่านางในมาส่องดูงานสมโภชภายนอกพระราชวัง ก็พากันไปแอบดูเหล่านางใน ทันใดนั้น เหล่าขันทีก็ออกมาจากฉนวนแล้วลงมือทุบตีคนที่แอบดูเหล่านางในอย่างไม่ปรานี แมงเม่ากำลังจะวิ่งหนี แต่กลับสะดุดหกล้ม ขันทีคนหนึ่งกำลังเงื้อกระเบนหวายใส่แมงเม่า แต่ออกพระศรีฯ เห็นเข้า ก็ร้องห้ามไว้เพราะจำแววตาของแมงเม่าได้ว่าเป็นหญิงคนเดียวกับที่เจอที่ร้านเครื่องหอม แมงเม่าเห็นออกพระศรีฯ ก็ตกใจ รีบพาติ่นกับผลวิ่งหนีไปโดยไม่ได้ขอบคุณชายหนุ่มที่ช่วยเธอไว้ได้อีกหน กล้าให้คนมาสู่ขอแมงเม่าที่บ้าน แมงเม่าโกรธมากจึงไปดักรอสั่งสอนกล้า แต่หญิงสาวกลับได้พบกับ ออกญาสีหราชเดชะ ที่ถูกทำร้ายจนปางตาย ก่อนตาย ออกญาสีหราชเดชะฝากกล่องใบบอกที่สลักเสลาเป็นรูปปีกผีเสื้องดงามไว้กับแมงเม่า เมื่อแมงเม่าเปิดออกดูด้านในก็พบว่าใบบอกถูกเขียนเป็นรหัสลับที่อ่านไม่ออก แมงเม่าจึงฝากใบบอกไว้กับม่วงไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัย ขณะเดียวกัน กรมขุนวิมลก็ทรงให้ออกพระศรีขันทินไปรับตัวแมงเม่าเข้ามาในวังหลวงเพื่อช่วยแก้กลอักษรที่ฝ่ายตำหนักของ เจ้าจอมเพ็ญ ส่งมา แต่ไม่มีผู้ใดในตำหนักของกรมขุนวิมลสามารถแก้กลอักษรนั้นได้ เมื่อขันทองหรือออกพระศรีขันทินเดินทางมารับแมงเม่าที่บ้านเศรษฐีมิ่ง ก็ต้องแปลกใจเมื่อรู้ว่าแมงเม่าก็คือหลง เด็กหญิงที่เขาเคยช่วยชีวิตไว้เมื่อวัยเด็กนั่นเอง ขันทองต้องหักห้ามใจ ไม่สามารถเปิดเผยตัวตนให้แมงเม่ารู้ได้ เพราะยังอยู่ในหน้าที่การเป็นจารบุรุษ ขณะที่แมงเม่ากลัวออกพระศรีฯ มาก เพราะได้ยินกิตติศัพท์มาว่าออกพระศรีฯ เป็นคนดุร้าย แถมยังเป็นขันทีกึ่งหญิงกึ่งชายอีกด้วย กลอักษรที่เจ้าจอมเพ็ญส่งมาซึ่งมีความสลับซับซ้อนมาก แม้แต่แมงเม่าเองก็ยังจนปัญญา ขันทองเห็นกลอักษรนั้นก็ดูออกทันทีว่าเป็นกลอักษรที่ใช้วิธีการอ่านแบบตารางหมากรุก จึงช่วยสอนแมงเม่าโดยให้ แมงเม่าสัญญาว่าจะเก็บเรื่องที่เขาเป็นคนสอนไว้เป็นความลับ ทำให้ขันทองกับแมงเม่าได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น ขันทองต้องหักห้ามใจอย่างหนักที่จะไม่หลุดปากบอกแมงเม่าว่าเขาคือพี่ขันทองของน้องหลง ขณะที่แมงเม่าเองก็เริ่มรู้สึกว่าออกพระศรีฯ ที่ใครๆ ว่าดุร้ายนั้น ที่จริงไม่ได้ดุร้ายเลย ซ้ำยังอบอุ่น ใจดีอีกต่างหาก กลอักษรที่ขันทองช่วยสอนจนแมงเม่าถอดข้อความได้ ทำให้แมงเม่าได้รับความชื่นชมและได้รับบำเหน็จรางวัลเป็นอันมาก เจ้าจอมเพ็ญไม่พอใจมากที่แมงเม่าสามารถถอดกลอักษรที่สลับซับซ้อนนี้ได้ เพราะนางต้องการหักหน้ากรมขุนวิมลต่อหน้าพระเจ้าเอกทัศ เจ้าจอมเพ็ญเป็นเจ้าจอมคนโปรดของพระเจ้าเอกทัศ แต่นางกลับไม่พอใจอยู่แค่นั้น เพราะนางต้องการเป็นแม่หยั่วเมืองผู้มีอำนาจสูงที่สุดในแผ่นดิน นางจึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้มีพระหน่อกับพระเจ้าเอกทัศ แม้กระทั่งจ่ายเงินให้ขรัวเถื่อนจากพม่าใช้วิธีการทางไสยศาสตร์เพื่อให้ตัวเองประสบความสำเร็จ โดยมี จมื่นศรีสรรักษ์ ญาติผู้น้องของเจ้าจอมเพ็ญ และ เลื่อน ข้าหลวงคนสนิท คอยปกปิดความผิดให้ แมงเม่าตัดสินใจปรึกษาเรื่องใบบอกของออกญาสีหราชเดชะที่ถูกเขียนเป็นรหัส ขันทองจึงช่วยสอนวิธีการถอดรหัสเบื้องต้นให้ การได้อยู่ใกล้ชิดกันบ่อยๆ ทำให้ขันทองเผลอมองแมงเม่าด้วยความรัก เยื้อน นางทาสที่เป็นทาสรับใช้ของขันทองเห็นเข้า ก็ไม่พอใจมาก เพราะนางแอบหลงรักออกพระศรีขันทินรูปงามอยู่ นางเยื้อนเคยเป็นลูกขุนนางใหญ่ แต่ตกอับเพราะบิดาต้องโทษประหารชีวิตเมื่อครั้งผลัดแผ่นดินคราวก่อน ส่วนตัวเองก็ต้องตกมาเป็นทาสตามเรือนต่างๆ จนได้มาอาศัยอยู่ที่ฝ่ายในกับออกพระศรีขันทิน นางเยื้อนยอมไม่ได้ที่เห็นออกพระศรีฯ ชอบพอแมงเม่า คืนนั้นนางเยื้อนจึงบุกเข้าไปในห้องนอนและเสนอตัวบำบัดความต้องการให้กับออกพระศรีฯ แต่ขันทองกลับไล่นางออกไปอย่างไม่ไยดี นางเยื้อนโกรธแค้นที่ถูกปฏิเสธ จึงนำความลับเรื่องใบบอกของแมงเม่า และเรื่องที่ออกพระศรีฯ ไม่ใช่ขันทีจริงๆ ไปบอกจมื่นศรีสรรักษ์ เมื่อจมื่นศรีสรรักษ์รู้ว่าใบบอกของออกญาสีหราชเดชะอยู่ในมือของม่วง ก็ส่ง ขุนแผลงฤทธิ์ ลูกน้องคนสนิทมาตามล่าตัวม่วง เมื่อกล้ารู้ ก็รีบตามขุนแผลงฤทธิ์มาช่วยจัดการกับม่วง ม่วงกับกล้าต่อสู้กันที่โรงรับชำเรา ม่วงแทงพลาดไปโดนยี่สุ่นจนเสียชีวิต ขุนแผลงฤทธิ์กล่าวหาว่าม่วงฆ่าคนตาย ม่วงจึงต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปขอความช่วยเหลือจากพันหาญ เมื่ออินรู้เข้า ก็ขอตามม่วงไปด้วยเพราะยังไงม่วงก็เป็นสามีของนาง พันหาญจึงพาม่วงกับอินไปซ่อนตัวอยู่กับพระยาตากก่อน ขุนแผลงฤทธิ์กับกล้าบุกไปถึงบ้านเศรษฐีมิ่งแล้วชิงใบบอกของออกญาสีหราชเดชะไป ก่อนจะเผาบ้านเศรษฐีมิ่งจนไม่เหลือซาก เมื่อขันทองได้ข่าวว่านางเยื้อนนำข่าวเรื่องใบบอกไปแจ้งกับจมื่นศรีสรรักษ์ จึงรีบตามไปปิดปากนางเยื้อนเสียก่อนที่จะเกิดความเสียหายแก่ประเทศชาติไปมากกว่านี้ แต่ทว่าเอกสารที่ขุนแผลงฤทธิ์ช่วงชิงไปจากแมงเม่าได้นั้น กลับเป็นเพียงเพลงยาวที่ขันทองเขียนเป็นรหัสลับให้แมงเม่า พระยาพลเทพ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการส่งใบบอกที่เป็นความลับทางราชการไปให้ฝ่ายอังวะ จึงเห็นว่านางเยื้อนเป็นคนโกหก ดังนั้น เรื่องออกพระศรีฯ ไม่ได้เป็นขันทีจริง ก็น่าจะโกหกเช่นกัน ขันทองจึงรอดตัวไปได้ แต่ พระยากำแหง หรือ ออกญาวัง กลับไม่เชื่อเช่นนั้น เพราะเขาสงสัยท่าทางของออกพระศรีฯ ที่ดูเฉลียวฉลาด ไม่เหมือนขันทีทั่วไป จึงคอยจับตาดูออกพระศรีฯ ไม่ให้คลาดสายตา หลังจากที่บ้านถูกไฟไหม้จนหมดเนื้อหมดตัว เศรษฐีมิ่งจึงตัดสินใจจะอพยพไปอยู่กับญาติที่เมืองอื่น แต่ก็เป็นห่วงแมงเม่าว่าจะไม่ปลอดภัยจากคนที่ไม่หวังดี เศรษฐีมิ่งจึงตัดสินใจจะให้แมงเม่าไปอยู่ในความดูแลของกรมขุนวิมลในวังหลวง แมงเม่าจำเป็นต้องยอมเพราะไม่อยากให้ทุกคนเดือดร้อน เมื่อเข้าไปอยู่ในวังแล้ว ขันทองกับแมงเม่าก็ยิ่งได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นจากการรับใช้กรมขุนวิมล ทำให้ทั้งสองยอมรับหัวใจตัวเองว่ามีความรักให้กัน แต่ขันทองก็ยังไม่ได้สารภาพความจริงกับแมงเม่าว่าที่จริงเขาคือใคร เพราะหน้าที่ของจารบุรุษที่ยังค้ำคออยู่ ขณะที่แมงเม่าก็สับสนว่าตนเองไปรักใคร่ชอบพอกับชายที่เป็นขันทีได้อย่างไร แต่แม้จะหนีเข้าไปพึ่งบารมีของกรมขุนวิมลในวังหลวงแล้ว แมงเม่าก็ยังไม่หมดเคราะห์ เพราะเจ้าจอมเพ็ญจำได้ว่าแมงเม่าเป็นคนถอดกลอักษรได้ เจ้าจอมเพ็ญจึงพยายามหาทางกำจัดแมงเม่าออกไปจากตำหนักของกรมขุนวิมล เจ้าจอมเพ็ญได้ยินมาว่า พระองค์เจ้าเชษฐ์ พระราชโอรสของพระเจ้าเอกทัศ ทรงต้องการตัวแมงเม่าให้ไปถวายงาน เจ้าจอมเพ็ญจึงฉวยโอกาสตอนที่กรมขุนวิมลล้มป่วย เร่งรัดจะพาแมงเม่าไปถวายงานให้พระองค์เจ้าเชษฐ์ แมงเม่าน้อยใจที่ออกพระศรีฯ ไม่ยอมช่วย แต่ในที่สุดออกพระศรีฯ ก็เชือดแขนตัวเองให้เลือดออกแล้วออกอุบายโกหกว่าแมงเม่ากำลังมีระดู ทำให้พระองค์เจ้าเชษฐ์ที่ทรงเชื่อโชคลาง ไม่ทรงต้องการให้แมงเม่าไปถวายงานอีก แต่นั่นก็ยิ่งทำให้เจ้าจอมเพ็ญชิงชังและจ้องจะหาเรื่องแมงเม่าให้ได้ ออกญาวังฯ ยังคงติดใจเรื่องที่นางเยื้อนบอกว่าออกพระศรีฯ ไม่ใช่ขันทีจริง หลังจากคอยจับตาดูออกพระศรีฯ มาพักใหญ่ ออกญาวังฯ จึงลอบเข้ามาในทิมที่พักของออกพระศรีฯ เพื่อหาหลักฐาน ขณะที่ออกพระศรีฯ ออกไปถวายการรับใช้ที่ตำหนัก แต่ว่าแมงเม่าที่กำลังมาหาออกพระศรีฯ เจอเข้าเสียก่อน แมงเม่าจึงแกล้งทำเป็นผีหลอกจนออกญาวังฯ รีบวิ่งหนีออกไป เมื่อออกพระศรีฯ รู้เรื่องจากแมงเม่า ก็ยิ่งต้องระมัดระวังตัวให้มากขึ้น เพราะมีคนคอยจ้องจับผิดอยู่มากมาย แมงเม่าอยากรู้ว่าทำไมออกญาวังฯ ถึงต้องลอบเข้าทิมที่พักของออกพระศรีฯ แต่ออกพระศรีฯ ก็ไม่ยอมตอบคำถามของแมงเม่า ทำให้แมงเม่าค้างคาใจมาก กรมขุนวิมลประชวร แมงเม่าจึงต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิด ทำให้เหน็ดเหนื่อยมาก ระหว่างกลับที่พัก แมงเม่าก็ถูกโขลนที่เป็นคนของเจ้าจอมเพ็ญชนจนล้มขวางทางเดินของเจ้าจอมเพ็ญ และแมงเม่าก็ยังต่อปากต่อคำกับเจ้าจอมเพ็ญ ซึ่งเป็นโทษร้ายแรง เจ้าจอมเพ็ญจึงได้โอกาสหาเรื่องลงโทษแมงเม่า แต่กรมขุนวิมลขอลงโทษแมงเม่าเอง กรมขุนวิมลมีรับสั่งให้แมงเม่าไปสงบสติอารมณ์และทบทวนสิ่งที่ประพฤติลง ไปที่ท้ายสระน้ำหลังวิหารในวัดพระศรีสรรเพชญ ซึ่งเป็นที่เก็บพระโกศและพระอัฐิของเหล่าเชื้อพระวงศ์ในตอนกลางคืนเป็นการลงโทษ ระหว่างการลงโทษในคืนนั้น ขันทองก็แอบเข้าไปอยู่เป็นเพื่อนแมงเม่าด้วย ทั้งคู่จึงได้โอกาสช่วยกันถอดรหัสจากใบบอกของออกญาสีหราชเดชะ และได้พบว่าเนื้อหาในใบบอกนั้นเป็นข้อมูลทางการทหารของอยุธยา และรายชื่อขุนนางที่ต้องการสวามิภักดิ์กับทางอังวะ แมงเม่าบอกขันทองว่าใบบอกนี้มาพร้อมกับกล่องใบบอกที่มีลวดลายปีกผีเสื้อ ขันทองเอะใจเพราะว่าลายปีกผีเสื้อนั้นเป็นลายประจำตัวของเจ้าจอมเพ็ญ ทั้งคู่จึงสงสัยว่าเจ้าจอมเพ็ญจะมีส่วนรู้เห็นในเรื่องนี้ ขันทองแค้นใจมาก เพราะนั่นเท่ากับว่าเจ้าจอมเพ็ญเกี่ยวข้องกับการตายของเสือขุนทองด้วย ในงานวันเพ็ญวันมาฆบูชา เจ้าจอมเพ็ญหาเรื่องให้มีการประกวดประขันกันระหว่างตำหนักว่าตำหนักไหนจะจัดดอกไม้บูชาพระได้งดงามกว่ากัน เจ้าจอมเพ็ญสั่งให้นางเลื่อนเข้ามาตีสนิทกับแมงเม่าแล้วอาสาจะพาไปเก็บดอกไม้มาจัดพานบูชาพระด้วยกัน แมงเม่าหลงเชื่อคำชักชวนของนางเลื่อน จึงไปพบที่นัดหมายโดยไม่ยอมบอกใคร แต่บังเอิญ เป้า เพื่อนนางในในตำหนักกรมขุนวิมล เห็นแมงเม่าแอบออกไปตามลำพังคนเดียว จึงไปบอกกับออกพระศรีฯ ออกพระศรีฯ เป็นห่วงจึงรีบตามไป แมงเม่ารออยู่จนมืดค่ำ ก็ไม่มีทีท่าว่านางเลื่อนจะมา ขณะที่กำลังจะกลับ แมงเม่าก็ได้ยินเสียงน้ำดังมาจากอ่างแก้วที่มีคนเล่าลือกันว่าคุณท้าวลูกครึ่งโต้ระกี่เคยมากระโดดน้ำเสียชีวิตที่นี่ แมงเม่าไม่กลัวผี จึงเดินไปพิสูจน์ให้เห็นกันชัดๆ ระหว่างที่ก้มๆ เงยๆ อยู่ริมอ่างแก้วนั้น นางเลื่อนก็ลอบเข้ามาผลักแมงเม่าจนตกสระน้ำไป แมงเม่าว่ายน้ำไม่เป็น เกือบจะจมน้ำตายอยู่แล้ว จู่ๆ ก็เหมือนมีใครคนหนึ่งมาช่วยพยุงแมงเม่าไว้ให้ลอยอยู่เหนือน้ำ ออกพระศรีฯ ตามมาเจอแมงเม่ากำลังใกล้จะหมดสติเต็มที จึงรีบกระโดดลงไปช่วยแมงเม่าขึ้นมาจากน้ำได้ทันท่วงที แผนการของเจ้าจอมเพ็ญจึงล้มเหลวอีกครั้ง หลังจากแมงเม่าจมน้ำ ก็เจ็บไข้ได้ป่วยอยู่หลายวัน ออกพระศรีฯ ก็คอยดูแลอาการอย่างใกล้ชิด เมื่อแมงเม่าฟื้นขึ้นมา ก็เล่าให้ออกพระศรีฯ ฟังถึงอะไรบางอย่างที่ช่วยเหลือเธอไว้ตอนที่เธอกำลังจะจมน้ำ ออกพระศรีฯ มั่นใจว่าเป็นวิญญาณของคุณท้าวสาลิกาที่ช่วยเหลือแมงเม่าไว้อย่างแน่นอน แมงเม่ายังรู้สึกด้วยว่าตอนที่ออกพระศรีฯ ลงไปช่วยจากการจมน้ำ เหมือนกับตอนที่พี่ขันทองเคยไปช่วยเธอสมัยเด็กๆ ออกพระศรีฯ นิ่งไป ไม่ตอบ เพราะยังไม่ถึงเวลาที่จะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเขา การศึกเริ่มประชิดใกล้เข้ากรุงศรีอยุธยาขึ้นทุกที แต่คราวนี้ฝ่ายอังวะไม่ได้ยกทัพใหญ่มาอย่างคราวก่อน หากมาเป็นแบบกองโจรกลุ่มเล็ก ค่อยๆ บุกตามหัวเมืองทีละแห่ง เมืองต่างๆ พากันร้องขออาวุธสนับสนุนจากกรุงศรีอยุธยา ทว่าเหล่าขุนนางใหม่ที่ไร้ประสบการณ์ต่างคาดการณ์ผิด จึงไม่ยอมมอบอาวุธให้ตามที่มีการร้องขอ เพราะกลัวว่าหัวเมืองต่างๆ จะนำอาวุธเหล่านั้นกลับมาโจมตีกรุงศรีอยุธยาเสียเอง เหล่าทหารกองโจรจากกรุงอังวะจึงยิ่งรุกคืบเข้ามาใกล้ขึ้นๆ สถานการณ์ในพระนครก็ค่อยๆ เลวร้ายลงทุกที เกิดเหตุเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ขึ้นในพระนคร ทำให้ชาวบ้านไร้ที่อยู่และตกระกำลำบากเป็นจำนวนมาก จมื่นศรีสรรักษ์เริ่มมีความละอาย จึงขอให้พระยาพลเทพและเจ้าจอมเพ็ญบริจาคเงินช่วยเหลือชาวบ้านที่ตกทุกข์ได้ยาก แต่ทั้งคู่กลับเอาแต่เห็นประโยชน์ส่วนตนสำคัญกว่าความทุกข์ของชาวบ้าน จมื่นศรีสรรักษ์ผิดหวังมาก จึงอาสาออกไปสู้รบกับฝ่ายอังวะและเสียชีวิตกลางสนามรบอย่างน่ายกย่อง หลังการเสียชีวิตของจมื่นศรีสรรักษ์ เจ้าจอมเพ็ญก็เริ่มไม่มั่นใจในสถานะของตนอีกต่อไป จึงใช้ให้นางเลื่อนนำเครื่องคุณไสยจากขรัวเถื่อนจากพม่า แอบไปวางไว้ในพระที่นั่งสุริยาศน์อัมรินทร์ แต่ออกพระศรี ฯ กับพระยากำแหงมาเห็นเข้าและจับกุมนางเลื่อนไว้ได้ แผนการของเจ้าจอมเพ็ญจึงล้มเหลว นางเลื่อนไม่กล้าซัดทอดความผิดไปให้เจ้าจอมเพ็ญและกัดลิ้นตายเพื่อหนีความผิด ก่อนตาย นางเลื่อนได้เล่าสาเหตุการตายของคุณท้าวสาลิกาให้ขันทองฟังว่า เมื่อสิบห้าปีก่อน คุณท้าวสาลิกาถูกเจ้าจอมเพ็ญหลอกให้นำยาเสน่ห์ไปใส่ในเครื่องต้นของพระเจ้าเอกทัศ โดยอ้างว่าเป็นยาบำรุง คุณท้าวสาลิกาไม่รู้เรื่อง ก็หลงเชื่อเจ้าจอมเพ็ญ แต่เมื่อถูกจับได้ว่ามีผู้วางยาพระเจ้าเอกทัศ เจ้าจอมเพ็ญกลับปัดความผิดทั้งหมดไปให้คุณท้าวสาลิกาแต่เพียงผู้เดียว คุณท้าวสาลิกาเสียใจมาก จึงไปกระโดดน้ำตายที่อ่างแก้วซึ่งเป็นสระน้ำในพระบรมมหาราชวัง ในที่สุด ขันทองก็ได้รู้ความจริงเกี่ยวกับการตายของแม่ของตน ชายหนุ่มเสียใจมาก จึงเก็บตัวอยู่แต่ในทิมที่พัก ไม่ยอมออกมาพบเจอผู้ใด แมงเม่าได้ข่าวว่าออกพระศรีฯ ป่วย จึงมาเยี่ยม ขันทองเล่าทุกอย่างให้แมงเม่าฟังอย่างไม่ปิดบังอีกต่อไป แมงเม่าจึงได้รู้ความจริงว่าที่แท้ออกพระศรีฯ คนที่อยู่ตรงหน้า ก็คือพี่ขันทองที่เธอรักในวัยเด็ก และชายหนุ่มก็ไม่ใช่ขันที แต่เป็นจารบุรุษที่แฝงตัวมาสืบหาข่าวที่ฝ่ายใน แมงเม่ารู้สึกขัดเขินขึ้นมาทันทีเมื่อรู้ว่าออกพระศรีฯ ไม่ได้เป็นขันทีอย่างที่คิด แต่เป็นชายหนุ่มเต็มตัว ขันทองยังคงปฏิบัติหน้าที่ออกพระศรีขันทินไปพร้อมๆ กับพยายามข่มความโกรธแค้นชิงชังเจ้าจอมเพ็ญ ผู้ที่เป็นสาเหตุการตายของมารดาของตน โดยมีแมงเม่าคอยให้กำลังใจอยู่ไม่ห่าง ขณะเดียวกันขันทองก็อดไม่ได้ที่จะเขินสายตาล้อเลียนของแมงเม่าที่มองมาเวลาที่เขาจำเป็นต้องสวมบทบาทขันทีกึ่งหญิงกึ่งชาย หลังจากแผนการล้มเหลว เจ้าจอมเพ็ญก็เริ่มมีอาการเหมือนคนสติวิปลาส ซึ่งเป็นผลจากคุณไสยที่ย้อนกลับเข้าหาตัวคนทำ ขณะเดียวกัน ฝ่ายอังวะก็บุกมาล้อมเมืองไว้ทุกทิศทาง ผู้คนในวังหลวงต่างก็ตระเตรียมหาทางหนีทีไล่กันหากเกิดศึกสงครามขึ้น ในที่สุด ฝ่ายอังวะก็ใช้วิธีจุดไฟเผาฐานกำแพงเมืองจนกำแพงเมืองถล่มแล้วบุกเข้ามาในเมือง ผู้คนในวังหลวงต่างวิ่งหนีเอาตัวรอดกันอลหม่าน ขันทองกับแมงเม่าหนีจากวังไปสมทบกับพันหาญที่ซุ่มรออยู่ ก่อนจะพากันไปสมทบกับชุมนุมพระยาตากที่ระยอง ที่นั่น แมงเม่าได้พบกับม่วง อิน เศรษฐีมิ่งและครอบครัวที่เหลืออีกครั้ง ขันทองตัดสินใจร่วมทัพพระยาตากเพื่อ โดยศึกครั้งสำคัญศึกหนึ่ง ก็คือการตีเมืองจันทบูรณ์ ศึกนี้ทัพพระยาตากมีกำลังน้อยกว่าศัตรูมากนัก แต่จำเป็นต้องบุกเข้าตี ทำให้พระยาตากทรงใช้กลยุทธ “ทุบหม้อข้าว” ด้วยการให้ทหารกินให้อิ่ม แล้วทุบหม้อข้าวหม้อแกงให้แตกทั้งหมด ซึ่งถ้าชนะศึกก็จะได้กินข้าวกันที่จันทบูรณ์ แต่ถ้าแพ้ ก็ให้อดตายกันทั้งกองทัพไปซะเลย ทัพของพระยาตากมีกำลังใจถึงที่สุด เลยสามารถยึดเมืองจันทบูรณ์ได้สำเร็จ และเป็นฐานที่มั่นที่สำคัญในการกู้กรุงในเวลาต่อมา หลังเสร็จศึก ขันทองได้ออกตามล่าตัวพระยาพลเทพคนทรยศ แต่พระยาพลเทพรู้ตัว เลยจับตัวแมงเม่าไป อินรีบวิ่งกลับมาบอกขันทองที่กำลังตามหาตัวพระยาพลเทพอยู่ ขันทอง ม่วง พันหาญและพวกรีบตามไปพบพระยาพลเทพกำลังจะหลบหนีและจะพาตัวแมงเม่าไปเป็นตัวประกัน พระยาพลเทพเยาะเย้ยขันทองเรื่องเสือขุนทองที่ตายอย่างอนาถเพราะฝีมือของเขา แมงเม่าฉวยโอกาสที่พระยาพลเทพเผลอ สะบัดตัวหลุดมาได้ พันหาญกับพวกที่เคยเป็นสมุนของเสือขุนทองพากันรุมสังหารพระยาพลเทพถึงแก่ชีวิตด้วยความโกรธแค้นแทนเสือขุนทอง หลังจากขับไล่พวกอังวะไปได้แล้ว พระยาตากก็ยกทัพลงมายังเมืองธนบุรีศรีมหาสมุทรเพื่อสร้างเป็นพระมหานครแห่งใหม่แทนกรุงศรีอยุธยาที่เหลือเพียงซากปรักหักพัง และเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ ขณะที่ขันทองก็เข้ารับราชการอยู่ที่ฝ่ายหน้าเป็นพระศรีขันทิน มีหน้าที่รวบรวมและรื้อฟื้นขนบธรรมเนียมประเพณีที่สูญหายไปให้กลับคืนมา ขันทองกับแมงเม่าเริ่มต้นสร้างครอบครัวไปพร้อมๆ กับไพร่ฟ้าอาณาประชาราษฎร์ที่ฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้งภายใต้พระบรมโพธิสมภารของพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่แห่งกรุงธนบุรี