จำนวน 3 แผ่น
เสียง ไทย
บรรยาย -
นำแสดงโดย 1. อาทิตย์ ตั้งสวัสดิ์รัตน์ แสดงเป็น สมรักษ์ 2. ฐนิชา ดิษยบุตร แสดงเป็น ลูกสาว อ.ฟื้น 3. พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง แสดงเป็น ประพันธ์ 4. กุลสตรี ศิริพงศ์ปรีดา แสดงเป็น แก้ว 5. วัช ทัศนาพลพินิจ แสดงเป็น เดช
เมื่อ พ.ศ. 2545 อาร์เอส นำเรื่องกาเหว่าที่บางเพลง สร้างเป็นละครโทรทัศน์ ออกอากาศทางช่อง 3
เมื่อ 40 ปีก่อน ณ บ้านบางเพลง ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือนสิบสอง วันลอยกระทง ประพันธ์ขอแก้วแต่งงานบนฟากฟ้า เวลานั้นเกิดสิ่งผิดปกติขึ้น เมื่อพระจันทร์ทรงกลดทั่วบ้านบางเพลงทุกสิ่งที่บ้านบางเพลงได้ถูกสะกดจาก อำนาจลึกลับให้หยุดนิ่งเป็นเวลา 4 นาทียกเว้นนางประนอมแม่ของประพันธ์ที่บังเอิญอยู่นอกรัศมี และสังเกตเห็นส่งประหลาดนี้เมื่อทุกคนรู้สึกตัวอีกครั้งทุกสิ่งก็เหมือนปกติ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลังจากนั้นหนึ่งเดือนประพันธ์ก็ไปทำงานที่พังงา
สองเดือนต่อมาผู้หญิงที่บ้านบางเพลงก็ตั้งท้องพร้อมกันสองร้อยกว่าคน ไม่เว้นแม้แต่เด็กสาว แม่ม่าย ยายชี รวมทั้งแก้วด้วย หลวงพ่อเติมเจ้าอาวาสวัดบางเพลงทราบว่ามหันตภัยกำลังเยือนเข้ามาใกล้พร้อม กับการกำเนิดของเหล่าทารกจากอเวจี
อีกหนึ่งเดือนต่อมาประพันธ์กลับมาที่บางเพลงเพราะทราบข่าวว่าแม่ของเขาตาย และแก้วตั้งท้องซึ่งเขาเข้าใจผิดว่าแก้วนอกใจและเป็นชู้กับไอ้เจิดลูกเจ้า ของโรงสีซึ่งเป็นนักเลงในหมู่บ้าน แก้วไม่สามารถอธิบายการตั้งท้องของเธอได้ ประพันธ์คลั่งและเก็บตัว หลวงพ่อเติมมาเตือนสติประพันธ์ แต่เขาก็ยังเคียดแค้นสิ่งต่าง ๆ รอบตัวอยู่
อาจารย์ยุพาซึ่งตั้งท้องเหมือนกันปรึกษากับอาจารย์สมศักดิ์ ผู้เป็นสามีว่าจะต้องพิสูจน์เรื่องการตั้งท้องให้ได้และไปปรึกษากับอาจารย์ ศิริซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตนอกโลก ครูจ้อยเป็นหนึ่งในจำนวน 24 คนที่ไม่ตั้งท้องที่บ้านบางเพลงเพราะว่าในวันลอยกระทงไม่ได้อยู่ที่หมู่บ้าน ได้ตัดสินใจค้นหาควมจริงกับอาจารย์สมศักดิ์และอาจารย์ศิริ
แก้วคลอดลูกออกมาชื่อ สมรักษ์ ซึ่งโตเร็วกว่าเด็กธรรมดาหนึ่งเท่า ประพันธ์ตัดสินใจร่วมกับกลุ่มค้นหาความจริง ศักดิ์และชื่น สองผัวเมียชาวนาผู้ยากจนได้ลูกชายชื่อ เดช ซึ่งกินเก่งกว่าเด็กธรรมดา เดช ดูดเลือดชื่นจนแห้งตายศักดิ์เข้ามาเห็นพยายามช่วยแต่ถูกอำนาจลึกลับสะกดให้ ตกเป็นทาสรับใช้ เมื่อเดชโตขึ้นเรื่อย ๆ ลูกของศักดิ์และศักดิ์ก็ถูกฆ่าตายหมด
8 ปีผ่านไปเด็ก ๆ โตขึ้นเท่ากับเด็กอายุ 15 - 16 ปี กินแต่เนื้อดิบ ๆ และรวมกลุ่มกันโดยไม่พูดกับใครสื่อสารกันด้วยพลังจิต รวมตัวกันตอนกลางคืนเพื่อวางแผนและจับสัตว์กินเป็นอาหาร และแสร้งทำประโยชน์ให้หมู่บ้าน เช่น ลอกคลอง ทำถนน
สัตว์เลี้ยงในหมู่บ้านหายไปเรื่อย ๆ จนชาวบ้านหวาดกลัว เดชอยู่เบื้องหลังการตายและความรุนแรงและมักปราศจากเหตุผล ทำให้เกิดกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยซึ่งนำโดย สมรักษ์ ลูกของแก้ว เขามีความรู้สึกทางด้านอารมณ์เห็นใจมนุษย์โดยเฉพาะกับพิมเด็กธรรมดาคนเดียว ในหมู่บ้านที่เป็นมิตรกับเด็กกลุ่มนี้ ในกลุ่มของสมรักษ์ยังมียุวศักดิ์ลูกของอาจารย์สมศักดิ์และอาจารย์ยุพาด้วย ส่วนสมพร และเด็กอีก 3 คนเป็นลูกของแม่ชีทั้งหมดอาศัยอยู่กับหลวงพ่อเติมพวกนี้สนใจในหลักธรรมจึง เข้ากับกลุ่มของสมรักษ์ และยุวศักดิ์ที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของเด็กกลุ่มใหญ่ที่มีเดชเป็นผู้นำ
ไอ้เจิดถูกฆ่าตาย สารวัตรสุทัศน์เข้ามาสอบสวนคดี สมรักษ์ เข้าขัดขวางเดชที่กำลังจะฆ่าอาจารย์ฟื้นพ่อของพิมสาวที่เขารักซึ่งรู้ถึง ความโหดร้ายของพวกตนเกิดการต่อสู้ด้วยฤทธิ์เดชที่เหนือมนุษย์แต่ก็ต้านพวก ของเดชที่มากกว่าได้ สารวัตรสุทัศน์ติดตามคดี พวกเด็กเข้าล้อมโรงพักตำรวจทั้งหมดเหมือนถูกมนต์สะกด เดชหยิบปืนเล็งไปที่สารวัตร สมรักษ์เข้าขวาง หลวงพ่อเติมมาช่วยด้วยอีกคนประพันธ์ เข้าใจผิดคิดว่าแก้วชอบกับสารวัตร ส่วนสมรักษ์นั้นตกหลุมรักพิม เดชจับพิมไป สมรักษ์ตามไปช่วยแต่เสียที ประพันธ์เข้ามาช่วยทัน ประพันธ์รวบรวมชาวบ้านเพื่อขับไล่เด็ก ๆ ออกจากหมู่บ้านและได้เผชิญหน้ากัน
ขณะที่เหตุการณ์กำลังรุนแรง หลวงพ่อเติมปรากฏตัวขึ้นด้วยบารมีแห่งความรักความเมตตาชาวบ้านเชื่อฟังโดยดี พวกเด็กต่างดาวก็รู้สึกได้เช่นกัน แม้แต่เดชเองยังต้องถอย พวกเด็กหันมาทำประโยชน์ให้กับชาวบ้านด้วยพลังที่เหนือมนุษย์ ทำให้ชาวบ้านหันมากราบกรานเด็กต่างดาวราวกับเป็นพระเจ้า ชาวบ้านตายใจ ขณะที่แผนยึดโลกเพื่อใช้ทดลองเพาะพันธุ์ดำเนินต่อไป
ประพันธ์เสี่ยงบุกทำลายแผนการณ์ และเปิดโปงแผนการยึดโลกของเด็กต่างดาว เดชประกาศจะกำจัดประพันธ์และชาวบ้านที่ต่อต้าน สมรักษ์ , สมพร , ยุวศักดิ์เข้าช่วยเหลือและต่อสู้กับเดชและพวกโดยสู้กันด้วยพลังจิต พายุกระหน่ำ สิ่งต่าง ๆ ปลิวเกลื่อนกลาดสลับกับเสียงฟ้าผ่าประหนึ่งโลกจะแตก
เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป ประพันธ์จะรอดชีวิตหรือไม่ ผลการต่อสู้ระหว่างฝ่ายดีและฝ่ายเลวจะเป็นอย่างไร ชาวบ้านบางเพลงจะรอดเคราะห์กรรมครั้งนี้หรือไม่ บรรดาเด็กต่างดาวจะมีวิถีชีวิตต่อไปอย่างไร ติดตามได้จากละครฟอร์มยักษ์เรื่องนี้
|